1. แมวเปอร์เซีย (Persian)
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเปอร์เซีย
การเลี้ยงดูแมวเปอร์เซีย
เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า
การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาด โดยการแปรงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอ
จะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน ซึ่งอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค
รวมทั้งพยาธิต่าง ๆ
ที่จะเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วยส่วนในเรื่องของอาหารการกินนั้น
ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน
เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน
อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนไปรวมตัวกันในช่องท้อง
จะทำให้แมวเปอร์เซียมีอาการสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้
2. แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American
Shorthair)
แมวสายพันธุ์อเมริกาที่สืบเชื้อสายมาจากประเทศในแถบยุโรป
และแพร่พันธุ์มายังอเมริกา เมื่อสมัยที่ชาวยุโรปเดินทางไปแสวงหาถิ่นที่อยู่ใหม่
โดยพวกเขาได้นำแมวอเมริกันชอร์ตแฮร์ ติดเรือไปด้วย
เพื่อป้องกันไม่ให้หนูทำลายข้าวของ และได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ในเวลาต่อมา
จนกระทั่งกลายเป็นแมวพื้นเมืองขนสั้นของอเมริกาไปในที่สุด
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์
สำหรับรูปร่างของแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ มีขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่
โครงสร้างลำตัวโต มีกล้ามเนื้อแข็งแรง มองเห็นชัดเจน อกใหญ่ ขาใหญ่
ใบหูมีขอบเป็นทรงกลมมน ส่วนหัวมีลักษณะรูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นสีเขียวมรกต มีลักษณะสีขน
และรูปร่างมากกว่า 80 แบบส่วนอุปนิสัยของอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ พบว่า เป็นแมวที่ช่างสงสัย นิสัยร่าเริง
ชอบเล่น มีเสน่ห์ แต่จะฝึกค่อนข้างยาก ดังนั้นหากเป็นไปได้
เจ้าของควรจะคลุกคลีและอยู่กับแมวให้มาก ๆ
การเลี้ยงดูแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์
ปัญหาของแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อราและเป็นหวัดง่าย
ถ้าหากเจ้าของให้การดูแลไม่ดีก็จะเลี้ยงลำบาก
ฉะนั้นเจ้าของควรพาแมวไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนเป็นประจำ
ส่วนปัญหาเรื่องขนร่วงมีน้อยมาก โดยจะร่วงเฉพาะในช่วงเวลาผลัดขนปีละ 2
ครั้งเท่านั้น
3. แมวสก็อตติช
โฟลด์ (Scottish Fold)
Susie เป็นแมวพันธุ์สก็อตติช
โฟลด์ ตัวแรกที่ถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1961 ที่ประเทศสก็อตแลนด์ แต่ในตอนนั้นยังไม่มีใครทราบชื่อสายพันธุ์ที่แท้จริง
เนื่องจากลักษณะของ Susie มีใบหูพับ
และยังมีใบหน้าที่คล้ายกับนกฮูก ซึ่งหลังจากที่ Susie ให้กำเนิดลูกแมวน้อยหูพับ
2 ตัว William Ross ชายเลี้ยงแกะ
ซึ่งเป็นผู้ค้นพบคนแรกก็ได้นำลูกแมวตัวเมียไปเลี้ยง หลังจากที่ลูกแมวตัวนั้นโตขึ้น
จึงนำไปผสมพันธุ์กับ บริติช ชอร์ตแฮร์ จนกลายเป็นต้นกำเนิดของสายพันธุ์นี้
และได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องที่รับรองโดย The Governing Council of
the Cat Fancy ของประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1966
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวสก็อตติช โฟลด์
แมวสายพันธุ์นี้แบ่งออกเป็น 2
แบบคือ แบบขนสั้นกับแบบขนยาว โดยทั้ง 2 แบบจะมีลักษณะตัวกลม หัวกลม
มีช่วงคอสั้น ดวงตากลมใหญ่ และมีหูตั้งตรงขนาดกลาง
ไปจนถึงหูพับขนาดเล็กที่มีมุมพับกว้าง ปลายหูส่วนใหญ่จะกลม
หูของลูกแมวจะเริ่มพับในช่วง 2-3
อาทิตย์แรก จมูกสันโค้งกว้างรับกับดวงตา
ซึ่งบางตัวมีปากโค้งได้รูปรับกับคางพอดี จึงเป็นที่มาของสมญานามว่า Smiling
Cat หรือ แมวยิ้ม แมวพันธุ์สก็อตติช โฟลด์ เป็นแมวที่ไม่ค่อยส่งเสียง
และชอบทำกิจกรรมในระดับปานกลาง พวกมันชอบที่จะเล่น เฉพาะเวลาที่มีเจ้าของมาร่วมเล่นด้วย
บางตัวอาจไม่ชอบนอนบนตัก โดยเลือกที่จะอยู่ใกล้ ๆ กับเจ้าของแทน
การเลี้ยงดูแมวสก็อตติช โฟลด์
การดูแลแมวสก็อตติช โฟลด์ ค่อนข้างง่าย แค่หมั่นแปรงขน 1-2
ครั้งต่อสัปดาห์สำหรับแบบขนสั้น
แต่อาจจะต้องเพิ่มการดูแลมากขึ้นหากเลือกที่จะเลี้ยงแบบขนยาว
โดยเฉพาะบริเวณใบหูของแมว ควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยครั้ง พอ ๆ กับการแปรงขน
และโดยทั่วไป แมวพันธุ์นี้ส่วนใหญ่มีร่างกายที่ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว
จึงไม่มีเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วงนัก
4. แมววิเชียรมาศ
(Siamese)
แมวไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักกันดีในชื่อ Siamese Cat หรือ
แมวสยาม
หนึ่งในต้นตระกูลของแมวไทยที่ถูกนำไปปรับปรุงจนเกิดแมวไทยอีกหลากหลายสายพันธุ์
ซึ่งตามตำนานสมุดข่อยได้กล่าวไว้ว่า หากใครได้เลี้ยงแมววิเชียรมาศ จะได้เป็นขุนนาง
เพราะถือว่าแมววิเชียรมาศเป็นแมวลาภ อีกทั้งในอดีตยังเป็นแมวที่เลี้ยงกันในวังเป็นส่วนใหญ่ด้วย
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมววิเชียรมาศ
เนื่องจากแมววิเชียรมาศเป็นแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้ม 9
จุดอยู่บนตัว ได้แก่ ที่ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหูทั้งสอง ปลายหาง บนจมูก
และที่อวัยวะเพศ ดังนั้นจึงถูกคนเข้าใจผิดบ่อย ๆ ว่า เป็นแมวเก้าแต้ม
แต่ที่จริงแล้ว แมวเก้าแต้มเป็นชื่อของแมวไทยอีกชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้วทั้งนี้ ไม่ว่าจะนำแมววิเชียรมาศไปผสมกับแมวพันธุ์อะไรก็ตาม
ก็จะได้สีแต้มตามแบบ แต่แตกต่างกันในเรื่องของรูปร่างและอุปนิสัย อีกทั้งเมื่ออายุมากขึ้น
สีแต้มก็จะเข้มขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้อาจจะมีสีแต้มที่แปลกแยกออกไป เช่น แต้มสีเทา
สีแดง และสีกลีบบัวส่วนอุปนิสัยของแมววิเชียรมาศก็คล้ายคลึงกับแมวไทยทั่วไป คือ มีความฉลาด
คล่องแคล่ว ปราดเปรียวเหมือนกับรูปร่าง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง
แต่ก็สุภาพเรียบร้อย แม้ว่าภายนอกของแมววิเชียรมาศจะดูรักสันโดษ
แต่ความจริงแล้วกลับไม่ชอบอยู่ตามลำพัง ดังนั้นมันจึงเป็นแมวขี้อ้อน
ประจบประแจงเก่ง
การเลี้ยงดูแมววิเชียรมาศ
ตอนกลางวันควรให้แมวอยู่อย่างอิสระในบ้านหรือนอกบ้านก็ได้
ตอนกลางคืนควรขังรวมกันไว้ในกรง กรงแมวต้องมีขนาดใหญ่ การเลี้ยงแมวในบ้าน
แมวจะชอบขับถ่ายในที่ที่มีกลิ่นเหม็นหรือเป็นจุดอับ หากต้องการให้แมวขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง
ควรเตรียมกระบะทรายไว้ในบ้านด้วย แต่ที่ต้องระวังคือแมวตัวผู้ที่โตแล้ว
มักจะขับถ่ายไม่เลือกที่
5. แมวโคราช
(Korat)
แมวพันธุ์นี้มีชื่อเรียกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แมวมาเลศ แมวดอกเลา
หรือแมวสีสวาด เป็นหนึ่งใน 17 แมวมงคลของไทย
ที่ได้รับพระราชทานชื่อมาจาก สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 5
ตามแหล่งกำเนิดของแมวพันธุ์นี้ ซึ่งพบใน อ.พิมาย จ.นครราชสีมา
ชื่อเสียงของแมวโคราชโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากชนะเลิศงานประกวดประจำปีที่สหรัฐอเมริกา
ในปี ค.ศ.1966
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวโคราช
ลักษณะของแมวโคราชจะมีขนเรียบ โคนขนสีเทาขุ่น ๆ
ส่วนปลายขนเป็นสีเงินประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือผมหงอก
และเป็นสีเช่นนี้ตลอดทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดปลายหาง สำหรับใบหน้าหากมองดูจากด้านหน้าจะเห็นเป็นรูปหัวใจ
หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่
สำหรับแมวตัวผู้บริเวณหน้าผากจะมีรอยหยักทำให้เห็นเป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น
ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปาก จะเป็นสีเงินหรือม่วงอ่อน
การเลี้ยงดูแมวโคราช
โดยปกติแล้วแมวโคราชจะมีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 ปี
ซึ่งวิธีการดูแลเหมือนแมวไทยทั่วไป
แต่ควรใส่ใจเรื่องการถ่ายพยาธิและการฉีดวัคซีนมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีน 3
ชนิดต่อปีให้ครบถ้วน ซึ่งประกอบไปด้วย วัคซีนป้องกันหัดแมว ลูคีเมีย
และพิษสุนัขบ้า
6. แมวขาวมณี
(Khao Manee)
สำหรับแมวขาวมณีไม่มีหลักฐานยืนยันที่มาอย่างชัดเจน รู้เพียงว่า
เริ่มพบเห็นมากในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยมีข้อสันนิษฐานว่า
น่าจะเป็นแมวที่ติดมากับเรือสำเภาของพ่อค้าจีน ที่เลี้ยงไว้จับหนูบนเรือ
แต่เนื่องจากสีขาวเป็นสีที่ดูสะอาดและเป็นสีมงคลสำหรับคนไทย
ดังนั้นแมวขาวมณีจึงกลายเป็นแมวบ้านนับจากนั้นเป็นต้นมา
และที่สำคัญแมวพันธุ์นี้ยังเป็นแมวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
หรือรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดปรานเป็นพิเศษด้วย
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวขาวมณี
เอกลักษณ์ของแมวขาวมณี นอกจากจะมีขนสีขาวปลอดทั่วทั้งตัวแล้ว นัยน์ตาทั้ง 2
ข้างของแมวขาวมณียังแตกต่างไปจากแมวไทยพันธุ์อื่น โดยมีทั้งนัยน์ตาสีฟ้า
สีเหลืองอำพัน และตา 2 สี ลักษณะมาตรฐานของแมวขาวมณี
หัวจะต้องกลมใหญ่คล้ายรูปหัวใจ จมูกสั้น หูตั้งใหญ่ โคนหางใหญ่
แต่มีปลายแหลมชี้ตรง และต้องเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว ส่วนเสน่ห์ของแมวขาวมณีนั้น
นอกจากขนสีขาวเนียนสนิท มันยังเป็นแมวที่ช่างประจบประแจง ขี้อ้อน
ชอบเข้ามาคลอเคลีย และจะคอยสังเกตเจ้าของตลอด ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม
การเลี้ยงดูแมวขาวมณี
ส่วนมากมักจะนิยมเลี้ยงแมวขาวมณีแบบเป็นคู่
เพื่อให้พวกมันพลัดกันเลียขนเพื่อทำความสะอาด แมวพันธุ์นี้เป็นแมวเชื่อง
และเชื่อฟังคำสั่งเจ้าของ
จึงเหมาะกับการเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ดีเลยทีเดียว
7. แมวบริติช
ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair)
แมวท้องถิ่นสายพันธุ์เก่าแก่ที่สุดบนเกาะอังกฤษ
ซึ่งเล่ากันว่าบรรพบุรุษของพวกมันมาจากแมวที่ชาวโรมันเอามาเลี้ยงเมื่อ 2,000
ปีก่อน และเป็นแมวที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศต้นกำเนิดและประเทศอื่น ๆ
แถบยุโรปจนถึงยุคปัจจุบัน เนื่องจากมันเป็นแมวที่มีความเฉลียวฉลาด
จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกสัตว์
เพื่อใช้ในการโฆษณาทางโทรทัศน์หรือเข้าฉากในภาพยนตร์ของฮอลลีวูด
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวบริติช ชอร์ตแฮร์
แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวที่มีลักษณะกะทัดรัด สมดุลดี แข็งแรง
หน้าอกเต็มและกว้าง ขาสั้น อุ้งเท้ากลม หางหนาและกลม หัวกลมรับกับใบหูขนาดเล็ก
คอสั้น แก้มยุ้ย คางหนา ดวงตากลมโต จมูกค่อนข้างสั้น ขนหนาและสั้น
มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี
การเลี้ยงดูแมวบริติช ชอร์ตแฮร์
แมวบริติช ชอร์ตแฮร์เป็นแมวที่ดูแลง่าย แต่ควรเลี้ยงในบ้าน นอกจากนี้บริติช
ชอร์ตแฮร์ อาจเป็นแมวที่มีพัฒนาการการเจริญเติบโตช้าอยู่สักหน่อย
แต่ความสมบูรณ์และความสวยงามของมันจะอยู่คู่กับแมวไปตลอดเกือบชั่วอายุขัยเลยทีเดียว
8. แมวเอ็กโซติก
(Exotic)
แมวหน้าบูด จมูกหัก แต่น่ารักไม่แพ้ใคร เพราะสืบเชื้อสายมาจากแมว 2
สายพันธุ์ ระหว่างแมวเปอร์เซียกับแมวอเมริกัน ช็อตแฮร์ จนกลายมาเป็นแมวเอ็กโซติก
หลากหลายรูปแบบ อาทิ Exotic Blue
Tabby, Exotic Red Tabby, Exotic Cream Tabby เป็นต้น
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเอ็กโซติก
ลักษณะทั่วไปของแมวเอ็กโซติกเหมือนกับแมวเปอร์เซียทุกประการ
ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหัวกลม กะโหลกใหญ่ ใบหูเล็กกลม จมูกหักเล็กน้อย
ยกเว้นเส้นขนสั้น ๆ ที่หนานุ่มคล้ายกับกำมะหยี่
อันเป็นสัญลักษณ์ของแมวสายพันธุ์นี้ส่วนเรื่องอุปนิสัยก็แทบไม่มีแตกต่างจากแมวเปอร์เซียเลย
เพราะแมวเอ็กโซติกเป็นแมวที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ ไม่ค่อยหงุดหงิด และมีความอดทนสูง
ดังนั้นคุณแทบจะไม่ได้ยินเสียงร้องของแมวพันธุ์นี้แน่นอน
หากมันต้องการความสนใจขึ้นมา ก็จะทำแค่นั่งอยู่หน้าคุณ กระโดดมานั่งบนตัก
หรือเอาจมูกชื้น ๆ ของมันมาแตะที่หน้าคุณเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่า
แมวพันธุ์เอ็กโซติกบางตัวอาจจะชอบนั่งอยู่บนไหล่และกอดคุณเวลาคุณเล่นด้วย
การเลี้ยงดูแมวเอ็กโซติก
ใครที่อยากเลี้ยงแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ แต่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลขน
แมวพันธุ์เอ็กโซติกก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
เพราะมันเป็นแมวที่เหมาะกับการเลี้ยงไว้ในบ้าน ที่สำคัญขนอันสวยงามของแมวพันธุ์นี้
ยังต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่าแมวเปอร์เซียทั่ว ๆ ไป
เพราะไม่ค่อยจับตัวเป็นก้อนหรือพันกันยุ่งเหยิงอีกด้วย
9. แมวเมนคูน
( Main Coon)
ถึงแม้แมวเมนคูนจะมีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าแมวปกติ แต่มันกลับเป็นพี่ใหญ่ใจดี
จนได้รับสมญานามว่า Gentel Giant ชื่อของแมวสายพันธุ์นี้
มีที่มาจากรัฐเมน (Maine) ในสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมัน ส่วนคำว่า คูน (Coon) มาจากคำบอกเล่าของชาวพื้นเมืองที่กล่าวว่า
แมวบ้านเผลอไปกุ๊กกิ๊กกับตัวแรคคูน (Raccoon) จนมีการจับ
2 คำนี้มารวมกัน
กลายเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันทั่วไปว่า เมนคูน (Main Coon)
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเมนคูน
ลักษณะเด่นของแมวพันธุ์เมนคูน คือ รูปร่างที่สมส่วน ดูสง่างาม
และให้ความรู้สึกที่มั่นคงแข็งแรง หากเป็นแมวโตเต็มที่
ร่างกายของมันจะมีความยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหางประมาณ 1
เมตร น้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 12-15 กิโลกรัม ถึงแมวเมนคูนจะมีโครงสร้างใหญ่
ใบหน้าเหมือนกับแมวป่า มีแผงคอคล้ายสิงโต แถมบริเวณปลายหูยังมีเส้นขนงอกออกมา
แต่มันกลับมีนิสัยขี้อ้อน ขี้เล่น ร่าเริง ตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยเจริญพันธุ์
การเลี้ยงดูแมวเมนคูน
อายุขัยของแมวพันธุ์อยู่ที่ราว ๆ 15 ปี เหมือนแมวทั่วไป
แต่เนื่องจากร่างกายที่ค่อนข้างใหญ่โต
การให้อาหารแบบแมวทั่วไปอาจไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต
ดังนั้นเจ้าของควรเสริมด้วยเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ
เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้กับมัน ส่วนขนของแมวเมนคูนค่อนข้างหวีง่าย
เนื่องจากเป็นแมวกึ่งขนยาว จึงไม่มีปัญหาขนพันกันแบบแมวเปอร์เซีย
เพียงแต่ควรจะอาบน้ำให้มันอย่างน้อยเดือนละ 2
ครั้ง และหลังการอาบน้ำทุกครั้ง ควรจะเช็ดพร้อมกับเป่าขนให้แห้งสนิท
เพื่อป้องกันโรคเชื้อราบนผิวหนัง
10. แมวเบงกอล
(Bengal)
แมวเบงกอลเป็นแมวที่มีลวดลายสวยงาม คล้ายลูกเสือดาวตัวน้อย ๆ คาดกันว่า
แมวเบงกอลเกิดจาการผสมพันธุ์ระหว่างแมวดาวกับแมวบ้านสายพันธุ์อียิปต์เชียนมัวร์ (Egyptian
Mau) ซึ่งเป็นแมวอียิปต์โบราณ
ที่มีโครงสร้างเป็นลายจุด ลักษณะคล้ายแมวป่า โดยถูกนำมาพัฒนาสายพันธุ์
ด้วยฝีมือของ Jean Mills หญิงสาวชาวอเมริกัน
ที่หลงใหลคลั่งไคล้ในลวดลายของแมวป่า
พร้อมกับตั้งชื่อของมันตามชื่อวิทยาศาสตร์ของแมวป่าที่เรียกกันว่า Felis
Bengolensis
ลักษณะทั่วไปและพฤติกรรมของแมวเบงกอล
แมวเบงกอลเป็นแมวขนาดปานกลางถึงค่อนข้างใหญ่
หัวมีความยาวมากกว่าความกว้าง
เช่นเดียวกับรูปร่างที่มีลักษณะเพรียวยาว
เห็นมัดกล้ามเนื้อชัดเจนคล้ายแมวป่า เมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นว่า
ช่วงสะโพกมีความสูงกว่าหัวไหล่ ปลายหางชี้ลง ใบหูกลมสั้น ตารูปไข่
มีช่วงปากกับจมูกกลมกว่าแมวบ้าน และมีจุดเด่นอยู่ที่ลายขนคล้ายแมวป่า
หรือที่เรียกกันว่า ลายหินอ่อนถึงแม้แมวเบงกอลจะสืบสายพันธุ์มาจากแมวป่า
แต่พวกมันกลับมีนิสัยน่ารักไม่ดุร้ายอย่างที่คิด แถมยังเป็นมิตรกับทุกคนเสียด้วย
นอกจากนี้แมวเบงกอลยังเป็นแมวที่ซุกซน เพราะชอบวิ่งไล่สิ่งของต่าง ๆ
รวมทั้งชอบปีนป่ายขึ้นที่สูงอยู่เป็นประจำ ที่สำคัญแมวพันธุ์นี้ชอบเล่นน้ำเอามาก ๆ
ด้วย
การเลี้ยงดูแมวเบงกอล
การเลี้ยงดูแมวเบงกอลก็เหมือนกับการดูแลแมวทั่วไป
แต่ถ้าอยากให้มันมีสุขภาพดีและมีขนที่สวยงาม ควรใส่ใจในเรื่องอาหารเป็นพิเศษ
โดยต้องเพิ่มเมนูเนื้อวัวสดจากอาหารที่กินเป็นประจำ
ซึ่งเนื้อสดที่ให้ก็ต้องผ่านการเก็บรักษาด้วยการแช่แข็ง เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรากับแบคทีเรีย
และห้ามให้เนื้อไก่หรือเนื้อหมูโดยเด็ดขาด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http:pet.kapook.com
What is a turnkey casino jackpot and how can I win real money?
ตอบลบJackpot งานออนไลน์ King, the casino's top-ranked progressive slot game, has 바카라 a progressive jackpot. If you're looking for the 1xbet korean best progressive slots online,