วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ระบบประสาทสัมผัสและประโยชน์ของแมว

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงอีกชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยม ด้วยความน่ารัก ชอบประจบ คลอเคลีย อันเป็นเสน่ท์ที่เจ้าของหลงใหล แต่การเลี้ยงแมวในบ้านมีปัญหาที่สำคัญประการหนึ่งคือ แมวมักจะชอบลับเล็บด้วยการข่วนเล็บของมันกับโซฟา ตู้ หมอน ทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าปัญหาดังกล่าวมีมาก เจ้าของบางคนอาจจะเลือกวิธีการการถอดเล็บของมัน เพื่อป้องกันการทำลายสิ่งของจากการข่วนหรือลับเล็บของมัน แต่บางคนอาจจะคิดว่าเป็นวิธีการที่โหดร้าย ไม่เป็นสิ่งที่น่าทำ เมื่อลองจินตนาการดูนิ้วมือของเราเอง ปรากฎว่าไม่มีเล็บนั่นแหละคือการถอดเล็บ โดยทั่วไปการถอดเล็บมักจะทำกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่ใช่แมว เช่น เสือ หรือหมี เพราะมีโอกาสทำร้ายผู้เลี้ยงได้ การถอดเล็บไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เรามองเห็น แต่การถอดเล็บเป็นการตัด หรือทำลาย ทั้งประสาทรับความรู้สึกและประสาทสั่งงาน(sensory nerves and motor) โดยที่ภายหลังการทำการผ่าตัดถอดเล็บสามารถนำแมวกลับบ้านได้เลย แต่ภายหลังการผ่าตัดถอดเล็บ แมวมักจะมีความเจ็บปวด ไม่สามารถเดินได้ถนัดนัก แมวอาจจะซึม ไม่สดชื่น เนื่องจากแมวยังไม่สามารถเดิน วิ่งเล่น ปีน ลับเล็บได้เหมือนอย่างที่มันเคยทำ การถอดเล็บจึงอาจจะทำร้ายแมวได้ แมวอาจจะเปลี่ยนนิสัยได้ มันอาจจะไม่ค่อยไว้ใจใครอีกต่อไป เป็นแมวขี้กลัว หรือดุร้ายมากขึ้น หรือขี้ขลาดไปเลย ถ้าการทำศัลยกรรมทำได้ไม่ดีนัก แมวอาจจะเจ็บขา เดินไม่ถนัด ต้องผ่าตัดแก้ไขอีก แต่โชคดีบ้านเราไม่ค่อยมีเจ้าของแมวนำแมวมาถอดเล็บ แต่มีการนำเสือ หมีมาทำแทน 

     

     พึงระลึกด้วยว่า ปัญหาการลับเล็บของแมว หรือการข่วนเฟอร์นิเจอร์ เป็นปัญหาที่เล็กน้อยไม่ใหญ่โตมากนัก ที่สำคัญเราสามารถนำวัตถุที่เราเตรียมไว้สำหรับการลับเล็บให้กับมันได้ ที่เรียกว่า "scratching post" สามารถฝึกได้ แต่การถอดเล็บเป็นสิ่งที่อาจจะดูโหดร้ายสำหรับเราชาวพุทธ 

ตัวผู้หรือตัวเมีย  แมวตัวผู้  ตัวโตกว่า น้ำหนักมากกว่า ร้องดังกว่า กระโดดสูงกว่า ปีนป่ายเก่งกว่า ไวกว่า แข็งแรงกว่า ซนกว่า จับสัตว์เก่งกว่า ชอบเที่ยวนอกบ้าน และไม่สนใจเจ้าของเท่าแมวตัวเมีย 
     แมวตัวเมีย  ตัวเล็กกว่า ตัวเบากว่า ร้องค่อยกว่า กระโดดเตี้ยกว่า ปีนไม่ค่อยเก่ง ไวสู้ตัวผู้ไม่ได้ อ่อนแอกว่า เรียบร้อยกว่า จับสัตว์ไม่เก่ง อยู่ติดบ้าน และชอบอยู่ใกล้เจ้าของมากกว่าแมวตัวผู้ ข้อเสียหลักของแมวตัวเมียคือ ตกลูกบ่อย  หากคุณคิดจะเลี้ยงแมวเพื่อจับหนู ก็ควรเลือกแมวตัวผู้ แต่ถ้าคิดจะเลี้ยงไว้ดูเล่น แมวตัวเมียจะสร้างความเสียหาย และความปวดหัวให้น้อยกว่า 



ประสาทสัมผัสของแมว

การมองเห็น(Sight)
     วิธีการล่าเหยื่อของแมว มีท่าทางการจ้องมองด้วยดวงตาทั้งสองข้างพร้อมทั้งการได้ยิน ของเสียงด้วยระบบการได้ยินของใบหูทั้งสองส่วนจัดสัมพันธ์กันเป็นองค์ประกอบด้านสื่อ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ได้ดีเป็นพิเศษ แต่แมวไม่สามารถที่จะแยกแยะในส่วนของสี ที่จะช่วยให้มันมองเห็นเป็นรูปร่างได้ทันที เนื่องจากหลังม่านกระจกแก้วตาแมวนั้นมีสิ่งกีดขวาง จึงไม่ช่วยให้แมวมองเห็นวัตถุได้อย่างใกล้ชิด การที่ลูกนัยน์ตาแมวทั้งสองข้างมองเห็นได้นั้นเกิดจาก การควบคุมของระบบประสาทจึงทำให้มันมองเห็นภาพในระยะไกลได้ดีกว่าระยะใกล้ ลูกตาของแมวสามารถเคลื่อนมองได้กว้างถึง 205 องศา ทำให้แมวมองได้รอบทั่วบริเวณ ที่แคบๆ ส่วนบริเวณพื้นที่กว้างๆ การเคลื่อนไหวของรูปร่างจะทำได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจาก ระบบการมองเห็นที่ไม่อำนวยต่อมันนั่นเอง

การดมกลิ่น(Smell)แมวได้ถูกพัฒนาความสามารถในระบบการรับรู้กลิ่นได้ดีเป็นอย่างยิ่ง สำหรับลูกแมวที่เกิดใหม่ ก่อนที่มันจะลืมตาได้นั้น มันจะใช้กลิ่นเป็นตัวนำเพื่อให้มันสามารถดูดนมแม่ได้ถึงแม้ว่าตายังไม่เปิด บริเวณหน้าผากของแมวจะมีต่อมผลิตกลิ่นพิเศษที่เรียกว่า สารฟีโรโมส์(Pheromose)เป็นกลิ่นเฉพาะ ของมัน การที่เราเห็นแมวชอบเอาศีรษะมาถูหรือสัมผัสกับคนเราหรือสิ่งของใดๆนั้น แสดงว่า มันได้ปล่อยกลิ่นของมันไว้ มันจึงแยกแยะรับรู้จากกลิ่นต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วได้ การปล่อยกลิ่นไว้ในที่ต่างๆ ก็สามารถใช้แสดงความเป็นเจ้าของในสิ่งนั้นของมันได้ด้วย แมวเป็นสัตว์ที่มีการรับรู้ที่ดี มันจะร่าเริงในช่วงที่อากาศอบอุ่นหรือได้รับไอแดด ซึ่งเป็นกลิ่นที่มันปรารถนา การที่เราเห็นแมวนั่งอยู่บริเวณประตูหรือหน้าต่างบ่อยๆก็เพื่อ สูดดมเอากลิ่นไอแดดมาปะทะเข้าจมูกมันนั่นเองแต่กลิ่นที่ได้รับนั้นไม่สามารถกระตุ้นด้วยบริเวณจมูก แต่อากาศที่เข้าสู่จมูกจะถูกดึงดูดขึ้นไปตามท่อรูจมูกบริเวณศีรษะผ่านไปสู่ฟันกรามด้านบน แล้ววนไปสู่ระบบประสาทที่สามารถรับรู้กลิ่นได้ เป็นลักษณะเช่นเดียวกับการรับรู้กลิ่นของสัตว์ประเภทงู 

การฟังหรือได้ยินเสียง(Hearing)แมวสามารถรับฟังเสียงที่มีอัตราความถี่ประมาณ 30-45,000 Hertzโดยเป็นระยะทาง กว้างไกลกว่าคนซึ่งได้ยินเพียง 2,000-5,000Hertz หูของแมวจะมีสันโค้งเป็นจุดรวมการกรอง ของเสียงลักษณะใบหูจะมีขบวนการรับฟังเสียงที่มากระทบโสตประสาทบริเวณหูได้สูงมากในบริเวณ ต้นแหล่งของการเกิดเสียงสะท้อนแมวที่เราเลียงอยู่ในบ้านนั้นสามารถแยกเสียงฝีเท้าเดินของคนในบ้าน และคนแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้านได้ด้วย

การสัมผัส(Touch)แมวมักจะใช้อุ้งฝ่าเท้าส่วนหน้าในการจำแนกหรือวินิจฉัยวัตถุนั้นๆ โดยมีจมูกเป็นตัวกระตุ้น ที่สำคัญในการสัมผัส แมวสามารถมีแรงผลักดันของการรับรู้ในบริเวณช่วงขนที่ขึ้นยาว คือ หนวด คิ้ว และช่วงขนที่เป็นเส้นยาวบริเวณหลังอุ้งฝ่าเท้าคู่หน้า หนวดประเภทนี้จะช่วยให้มันทราบ ตำแหน่งที่ว่างของการรับรู้จากภายในตัวไปสู่บริเวณตำแหน่งของวัตถุได้ภายในไม่เกิน 1 นาที 


ประโยชน์ของแมว

1. ฝึกความรับผิดชอบ ทำให้กลับบ้านตรงเวลา (รีบกลับไปหาน้องแมว)
2. น้องแมวช่วยคลายเครียด และ ความเหนื่อยล้า เวลากลับบ้านมาเจอน้องเหมียวอ้อนนิดอ้อนหน่อย ทำตาแบ๊ว ก็หายเหนื่อยแล้ววว บางครั้งน้องแมวก็มานวดให้เราด้วยน้าาา
3. น้องแมวเป็นเพื่อนแก้เหงาที่ดี เบื่อๆ ก็มาเล่นกับน้องแมว  แถมการเล่นกับแมวจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ช่วยทำให้ไม่เครียดด้วยนะคะ
4. เป็นเพื่อนที่รับฟังทุกอย่าง ฟังเราบ่นไม่เถียงซักคำ แต่อย่าถามความเห็นนะ เพราะว่าเพื่อนๆ จะได้ยินแต่เหมียวๆ (เราฟังภาษาแมวไม่ออก แต่หลายครั้งเราจะรู้สึกว่าน้องแมวเข้าใจที่เราพูดนัเนี๊ย)
5. เป็นเพื่อนนั่งกินข้าว แต่อย่าลืมว่าของโปรดเราบางอย่างน้องแมวหม่ำไม่ได้
6. ช่วยกำจัดหนู และ แมลง







ขอขอบคุณข้อมูลจาก  -http://www.trueplookpanya.com/
                              -http://www.catlikelove.com
                              -http://www.youtube.com/10 อันดับ ความตลก+น่ารัก ของแมว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น